top of page

Cafe Granja La Esperanza

The Path to the Perfect Coffee

Coffee Origin, Coffee Story

ในปี 2012 กาแฟที่ชนะ USA Brewer’s Cup, Barista Championship และ Roasters Choice Award เป็นกาแฟที่มาจากโปรเซสเซอร์เดียวกัน นั่นคือ Cafe Granja La Esperanza


Rigoberto และ Luis Herrera คือคนที่เชื่อมั่นว่าแผ่นดิน Colombia สามารถทำกาแฟที่ได้คะแนน 100 คะแนนได้ (ถึงแม้ว่าในทางทฤษฏีจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม) ด้วยเป้าหมาย(ที่ไปไม่ถึง) ทำให้สองพี่น้องอยู่บนเส้นทางของการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และสามารถสร้างสรรกาแฟที่อยู่ในระดับ “ดีที่สุดในโลก” ออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ


The FARMs

ไร่กาแฟในสังกัด


ปัจจุบัน Cafe Granja La Esperanza มีฟาร์มในสังกัดอยู่ 5 ฟาร์ม รวมถึง Cerro Azul, Las Margaritas, La Esperanza, Potosi, และ Hawaii

Cerro Azul แปละว่าภูเขาสีฟ้า (Blue Mountain) เป็นฟาร์มที่ปลูกเฉพาะสายพันธุ์ Gesha เนื่องจากเป็นฟาร์มที่อยู่สูงมาก (1,700 - 2,000masl) และมีอุณหภูมิที่เย็นตลอดปี (15 - 21 C) Rigoberto ตั้งชื่อว่า Cerro Azul เพราะว่าตอนที่เห็นภูเขาลูกนี้จาก La Esperanza เขามองเห็นมันเป็นสีฟ้า/ขาว จากหมอกที่คลุมยอดเขาไว้ Don Rigoberto ตัดสินใจซื้อที่แปลงนี้เพราะรู้สึกถึง “พลังงานอะไรบางอย่าง” ตอนที่ขึ้นไปดูที่

Las Megaritas มีความหมายว่า สวนแห่งความหลากหลาย (Garden of Varieties) ตามชื่อ ไร่นี้ก็เลยปลูกกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ ทั้ง Geisha, Mokka, Laurina, และ Pacamara รวมถึงสายพันธุ์ที่เพิ่งลงปลูกอย่าง Pink Bourbon และยังมีสายพันธุ์ที่นำมาจาก Galapagos อย่าง Lupe Maria ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่าง SL28 กับ Bourdon Sidra... เรียกได้ว่า หลากหลาย...สมชื่อจริง ๆ


Potosi เป็นฟาร์มของครอบครัว Rigoberto มาตั้งแต่ 1930 ซึ่งปัจจุบันก็ตกเป็นของสองพี่น้องเรียบร้อย ตอนแรก Rigoberto ตั้งใจจะให้ Potosi เป็นฟาร์มที่ได้ตรา Organic แต่ในปี 2016 ก็ทิ้งตรา Organic ไปเพราะว่ากฏเกณฑ์ต่าง ๆ ของ USDA นั้นไม่เอื้อต่อนโยบายการพัฒนาคุณภาพที่สองพี่น้องตั้งใจไว้ La Esperanza แปลว่า “ความหวัง(The Hope)” เป็นไร่หลักที่มี พนักงานที่จ้างถาวร และพนักงานถาวร 5 คนนี้จะเป็นคนที่มีหน้าที่ฝึกสอนคนงานชั่วคราวที่จ้างมาตามฤดูกาลเก็บเกี่ยว ในไร่นี้จะปลูกกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ ทั้ง Luarina, Gesha, Yellow Bourbon, Caturra, และ Mandela ที่เป็นสายพันธุ์พัฒนาใหม่จากสายพันธุ์ Caturra, Sudan Rume, Daleco, และ Villa Ssarchi


สุดท้ายคือ Hawaii เป็นชื่อไร่ที่ชวนให้สับสนมาก ๆ เพราะไร่นี้ปลูกกาแฟสายพันธุ์พื้นเมืองของฮาวายที่ชื่อว่า Mokka ดังนั้น ใครซื้อกาแฟ Hawaii Mokka มาให้ดูดี ๆ เพราะมันอาจจะไม่ได้มาจากฮาวาย แต่มาจาก Colombia (แต่อร่อยอยู่นะ)



Processes

โปรเซส


Cafe Granja La Esperanza เป็น Processor ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพ และนั่นหมายความว่ากรอบเดิม ๆ ของการโปรเซสกาแฟไม่น่าจะพาไปสู่ฝั่งฝัน (ความฝันคือ 100 คะแนน) ดังนั้น Processor เจ้านี้ถึงได้มีโปรเซสแปลก ๆ ที่ที่อื่นไม่มี เช่น Natural XO เป็นโปรเซสที่นำเอาเชอร์รี่ไปหมักไว้ในถังที่ควบคุมอุณหภูมิเป็นเวลา 30 ชั่วโมง และหลังจากนั้นก็ตากใน Silo เป็นเวลา 48 - 72 ชั่วโมง ทำให้ได้กลิ่นรสที่คล้ายกับเหล้า XO เป็นที่มาของชื่อโปรเซสนี้


Natural 3 Dragones ชื่อนี้ได้มาจากการใช้เครื่องตากแห้ง 3 เครื่องที่ใช้ในการโปรเซส ซึ่งป๋า Rigoberto บอกว่ามันเหมือนมังกรพ่นไฟ


Natural Light เป็นโปรเซสที่กาแฟถูกหมักในถังควบคุมอุณหภูมิ 15 ชั่วโมง และถูกนำไปตากแห้งต่อในห้องควบคุมความชื้นอีก 72 ชั่วโมง

Conclusion

สรุป

Cafe Granja La Esperanza เป็น Processor ที่ทำผลงานออกมาได้สมชื่อไร่กาแฟแห่งความหวัง ด้วย Kodawari ทีมุ่งมั่นจะทำกาแฟที่สมบูรณ์แบบ เส้นทางที่สองพี่น้อง Herrera เดินทางอยู่นั้นเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก ต้องฉีกกรอบเดิม ๆ ต้องทดลองสิ่งที่คนไม่เคยทำ ปลูกกาแฟที่ไม่เคยปลูก เชื่อว่าต้องผ่านความล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งผลลัพท์ของความพยายามทั้งหมดนั้น ถูกแสดงออกมาทางกลิ่นรสของกาแฟได้เป็นอย่างดี


เพราะประสบการณ์คืองานคราฟท์ Credit: https://drwakefield.com #CafeGranjaLaEsperanza #SpecialtyCoffee #ZMITH #ExperiencesWellCrafted

160 views0 comments

Recent Posts

See All

Comments


bottom of page