top of page

Why We Love Coffee

ประสาทสัมผัสกับประสบการณ์กาแฟ


Coffee Experience, Flow, Psychology

“ระวังนะครับวงการนี้เข้าแล้วออกยาก🤣” เป็นคำเตือนที่เรา(คนในวงการกาแฟพิเศษ) มักจะบอกกับคนที่เริ่มที่จะเข้ามาสนใจกาแฟ Specialty ☕️ วันนี้ ZMITH ก็เลยจะลองมาชวนสนทนากันในหัวข้อที่ว่ากาแฟพิเศษทำให้เรา “ตกหลุมรัก❤️” มันได้ยังไง?


บางคนรู้สึก “ชอบ” กาแฟ แต่สำหรับคนที่หลงไหลในกาแฟ Specialty☕️ หลายคนน่าจะเกินคำว่าชอบไปไกลแล้ว เพราะเราให้ทั้งเวลา ทั้งใจ ไปกับมันจนสำหรับหรับหลายคนน่าจะเรียกได้ว่า “รัก ❤️” กาแฟแบบเต็มปากเต็มคำ ไม่เคอะเขิน


เหตุผลที่ตกหลุมรักกาแฟ Specialty Coffee นั้นสำหรับแต่ละคนอาจจะมีคำตอบที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะอธิบายได้ บางคนอาจจะอธิบายยาก วันนี้ผมจะยก 3 เหตุผลทางจิตวิทยาที่ทำให้ Specialty Coffee นั้น ครองใจของหลาย ๆ คนไว้ได้...


ไหน ๆ จะเขียนเป็นบทความมันก็จะไม่ใช่แค่เหตุผลง่าย ๆ แค่ “ก็มันอร่อย...” หรือ “ก็มันประหยัดกว่าซื้อกิน” แน่ ๆ 🤣 (แปลว่ายาว... แต่ได้ความรู้ ตามสไตล์ของ ZMITH😁)




Sense of Exploration🔭


ทำไมเราถึงชอบเที่ยว? ✈️ ในทางจิตวิทยาอธิบายไว้ว่า การท่องเที่ยวทำให้เราได้พบกับ “ประสบการณ์ที่แปลกใหม่” ซึ่งมนุษย์เราชอบความแปลกใหม่โดยสัญชาติญาณ (ถ้ามันไม่อันตรายจนเกินไป☠️) การสำรวจ/ค้นหา เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็น👀 หรือความสงสัยเป็นหนึ่งใจแรงจูงใจตามธรรมชาติของมนุษย์


ดังนั้นเมื่อถูกถามว่า “ทำไมถึงชอบกาแฟ Specialty ?” หลายครั้งคำตอบที่ได้จะเป็นประมาณว่า เพราะกาแฟมัน “น่าค้นหา” และมีอะไรใหม่ ๆ มาทำให้ประหลาดใจได้อยู่เรื่อย ๆ ไม่รู้จบ ด้วยเหตุนั้นมันจึง “น่าสนุก” และทำให้เราเพลิดเพลินไปกับมัน


สิ่งที่ทำให้กาแฟ Specailty แตกต่างจากกาแฟ Commercial อย่างเห็นได้ชัดก็คือความหลากหลายในรสชาติ ทั้งกลิ่น รส ความรู้สึกต่าง ๆ ตั้งแต่เปิดถุงกาแฟ จนถึงกลืนกาแฟคำสุดท้ายลงคอไป มันคือการพบกับประสบการณ์แปลกใหม่ ทุก ๆ ครั้งที่เราเปลี่ยนเมล็ดกาแฟ วิธีการสกัด หรือแม้แต่เปลี่ยนแก้วที่ใช้ชิมกาแฟ...


และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราโดนป้ายยา เสียเงินเสียทองกันอยู่เรื่อย ๆ นั่นเองครับ😅 ด้วยความอยากรู้ อยากเห็น เมื่อสบโอกาสที่เราจะได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ (เช่นการสกัดกาแฟด้วยดริปเปอร์ใหม่) ต่อให้มีดริปเปอร์อยู่แล้วสองสามตัว เราก็จะโดนตัวที่ 4, 5, 6 มาอีก(จนคนที่บ้านสงสัยว่า จะซื้ออะไรนักหนา🤬) คำว่า “ตัวจบ” ไม่มีอยู่จริงสำหรับคนที่หลงรักกาแฟ Specialty 🤣 เช่นเดียวกับความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ (จะมีก็แต่ ของมันต้องมี)



Autonomy・Mastery・Purpose


ในโลกนี้จะมีงานประเภทที่เราทำเพื่อเงินทอง💵 ชื่อเสียง หรือผลประโยชน์ภายนอกอื่น ๆ และงานที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงิน ไม่ได้มีคนมาชื่นชม เราก็ยังจะทำอยู่ดี แน่นอนว่าส่วนใหญ่สำหรับ Home Brewer แล้ว กาแฟ Specialty เป็นงานอย่างหลังอย่างแน่นอน (เพราะนอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว ยังพาให้เสียทรัพย์💸อยู่เรื่อย ๆ อีกตะหาก)


ในการทำงาน คนเราถูกผลักดันด้วย “แรงจูงใจ” ซึ่งแรงจูงใจนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทกว้าง ๆ คือ “แรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motivation)” เช่น เงินทอง, ชื่อเสียง, หรือการยอมรับ และอีกประเภทคือ “แรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation)” ที่บางทีเราเรียกกันง่าย ๆ เก๋ ๆ ว่า Passion หรือ Inner นั่นแหละครับ และการอยากทำอะไรจากใจ มันฟินกว่ากันเยอะ 😎


คนที่เริ่มหันมาดริปกาแฟเองส่วนใหญ่จะถูก Drive ด้วย​ “แรงจูงใจภายใน” นี่แหละครับ ซึ่ง Dan Pink ได้เขียนเกี่ยวกับ “แรงจูงใจภายใน(Intrinsic Motivations)“ เอาไว้อย่างน่าสนใจในหนังสือชื่อ “DRIVE” ว่าแรงจูงใจ 3 ข้อที่จะทำให้เรารักในสิ่งที่ทำ และทำมันได้ดี ซึ่งผมคิดว่ามันอธิบายเหตุผลว่า “ทำไมเราถึงมีความสุขกับกาแฟ” ได้เป็นอย่างดี


🔹Autonomy・อิสรภาพในการตัดสินใจ

อย่างที่ผมบอกไว้ประจำครับ ดริปกาแฟกินเองไม่มีถูกไม่มีผิด อร่อยก็กิน ไม่อร่อยก็กิน กินไม่ไหวก็เททิ้ง... นั่นคืออิสระภาพอันสูงสุดที่เราพึงจะมีในการทำงานครับ เราจะทดลองอะไรก็ได้ เราทำผิดพลาดก็ได้ ไม่มีใครมาต่อว่าเรา เพราะมันกาแฟเราเอง ดังนั้นเราจึงรู้สึกสนุก และมีความสุขที่จะได้ตัดสินใจลองผิดลองถูกทำตามที่ตัวเองคิดกับการทำกาแฟ (ซึ่งในงานอื่นเราอาจไม่ได้มีอิสระที่จะทำแบบนี้)


🔹Mastery・ความเชี่ยวชาญ

เมื่อทำแล้วสนุก เราก็จะทำบ่อยขึ้น หลายคนดริปกาแฟวันละหลายเสิร์ฟ จนถึงกับต้องหาคนมาช่วยดื่ม🤣 (เห็นได้มากมายในกลุ่ม Home Brewer😅) พอทดลองมาก ๆ ฝึกซ้อมบ่อย ๆ เราก็จะเก่งขึ้น💪... ซึ่งการทำอะไรด้วยความมั่นใจ และเชี่ยวชาญ (Mastery) ทำให้เรามีความสุข และรักในสิ่งที่ทำ เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี


🔹Purpose・จุดประสงค์ หรือความหมาย

กาแฟเป็นสิ่งเรียบง่าย เราทำกาแฟเพื่อจะได้ดื่มกาแฟ หรือถ้าคุณเป็น Shop Brewer ก็อาจจะเพื่อลูกค้า... บางคนอาจทำเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ลองอุปกรณ์ใหม่ หรือกาแฟตัวใหม่ แต่ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะคืออะไร พอเป็นเรื่องของกาแฟมันก็มักจะชัดเจนในตัวมันอยู่แล้ว... ดังนั้นเวลาที่เราทำกาแฟ เรามักไม่ค่อยมานั่งนึกว่า... “นี่กูทำไปเพื่ออะไรวะ...?”


“ขณะที่ดริปกาแฟอยู่ ชีวิตเรามีความหมาย” ... ไม่มีใครกล่าวไว้ ZMITH กล่าวเอง😁



Flow State


มีใครเคยรู้สึกมีสมาธิ🧘🏻‍♂️ เหมือนเข้า Zone เวลาดริปกาแฟบ้างมั้ยครับ? ณ ช่วงเวลานั้นเราจะรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกสงบ มีสติ ไม่วอกแวก ที่แน่ ๆ คือ มันรู้สึกดี ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถเข้าสู่ภาวะ In the ZONE (แบบในเรื่อง Prince of Tennis) ได้กับกิจกรรมแทบทุกอย่าง รวมถึงการดริปกาแฟด้วย... ในภาษาจิตวิทยาเรียกสภาวะแบบนี้ว่า Flow State (มีคนแปลไทยว่า “ภาวะลื่นไหล” แต่ผมว่าทับศัพท์เถอะ 😅)


สิ่งที่เราให้เราเข้า Flow State ได้นั่นคือ ความสมดุลระหว่าง “ความยากง่ายของกิจกรรม” กับ “ความสามารถ” ของเรา (Difficulty and Ablility Balance) ซึ่งถ้ามันสมดุลกันพอดี มันจะเหมือนลงล็อค และทำให้เรามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ รู้สึกถึงสิ่งรบกวนน้อยลง รู้สึกสนุก และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


ซึ่งนอกจากเกมที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสภาวะ Flow โดยเฉพาะแล้ว (ใช่ครับ เรามักจะติดเกมกันเพราะเกมถูกออกแบบมาให้ผู้เล่น “ติด” การเล่นเกม) ผมก็เห็นว่าการทำกาแฟนี่แหละที่ทำให้เกิดภาวะ Flow ได้ง่าย และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลาย ๆ คนหลงรักกาแฟ Specialty แบบถอนตัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว 🥰



Conclusion

สรุป


แต่ไม่ว่าเราจะตกหลุมรักกาแฟด้วยเหตุผลไหน และคำอธิบายพวกนี้จะตรงหรือไม่ ขอแค่เรารู้ว่า เราทำกาแฟแล้วมีความสุข หรือเรามีความสุขจากการที่กาแฟที่เราบรรจงสรรสร้างขึ้นมาทำให้ลูกค้ามีความสุข ก็เพียงพอต่อการที่เราจะ “รัก♥️” กาแฟ Specialty แล้ว...


เพราะ “ประสบการณ์คืองานคราฟท์” 😊


45 views0 comments

Recent Posts

See All

Comments


bottom of page